เมื่อเทรดฟิวเจอร์ส การเปิดออร์เดอร์สำเร็จเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของสมรภูมิเท่านั้น สิ่งที่ชี้ชะตาความสำเร็จของการเทรดจริง ๆ คือการปิดออร์เดอร์อย่างมีประสิทธิภาพ — เปลี่ยนกำไรลอยตัวบนหน้าจอให้กลายเป็นกำไรที่จับต้องได้ เทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยที่ใจร้อนเกินไป มักพลาดจุดออกที่ดีที่สุด ทำให้กำไรที่ควรจะได้ค่อย ๆ หายไป หรือแย่กว่านั้นคือ กลายเป็นขาดทุนแทน เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ก้าวข้ามจุดอ่อนนี้ และรักษาวินัยการเทรดอย่างเคร่งครัด MEXC จึงจัดเตรียมเครื่องมือทำกำไร (Take Profit) ที่หลากหลายและทรงพลังไว้ให้ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกวิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ กลยุทธ์เบื้องหลัง และแนวทางนำไปใช้จริง ช่วยให้คุณทำกำไรได้แม่นยำยิ่งขึ้นบน MEXC และคว้าโอกาสทุกครั้งไว้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ในการเทรดฟิวเจอร์ส Take-Profit (TP) คือการตั้งราคาที่ต้องการทำกำไรไว้ในโพซิชันฟิวเจอร์ส เมื่อราคาตลาดเคลื่อนไปถึงหรือสูงกว่าราคานั้น ระบบจะดำเนินการปิดโพซิชันโดยอัตโนมัติเพื่อทำกำไรให้ผู้ใช้งานทันที ซึ่งในกรณีนี้ นักลงทุนเป็นผู้กำหนดจุดออกด้วยตัวเองเมื่อได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง ช่วยหลีกเลี่ยงการพลาดโอกาสทำกำไรและปกป้องผลตอบแทนที่ได้
*BTN-เทรด Futures บน MEXC&BTNURL=https://www.mexc.com/th-TH/futures/BTC_USDT*
ตั้งจำนวนกำไรที่ต้องการไว้เป็นจุดทำกำไร (Take-Profit) แบบคงที่ เมื่อการเทรดของคุณสร้างกำไรถึงตามที่ตั้งไว้ ระบบจะปิดออร์เดอร์ให้อัตโนมัติเพื่อปกป้องผลกำไรที่สะสมไว้
ตั้งเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการทำกำไรไว้เป็นจุดทำกำไร (Take-Profit) เมื่อการเทรดของคุณสร้างกำไรถึงเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด ระบบจะปิดออร์เดอร์เพื่อเปลี่ยนกำไรลอยตัวให้กลายเป็นกำไรจริงทันที
ใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเพื่อกำหนดจุดทำกำไร (Take-Profit) เช่น คุณสามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, ดัชนีวัดความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI), อินดิเคเตอร์ MACD (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตัดกัน) และอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพื่อช่วยระบุจุดออกจากตลาดที่เหมาะสมที่สุด
แบ่งจุดทำกำไร (Take-Profit) ออกเป็นหลายขั้น และค่อย ๆ ปรับเป้าหมายสูงขึ้นตามลำดับ วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรสูงสุดเมื่อแนวโน้มตลาดยังเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
ดำเนินการออร์เดอร์ตามราคาซื้อ/ขายที่ดีที่สุดของฝั่งตรงข้าม (Best Bid/Offer – BBO) โดยจะให้ความสำคัญกับการจับคู่คำสั่งภายใน 30 ระดับราคาจากราคานั้น หากมีส่วนของออร์เดอร์ที่จับคู่ไม่หมด ระบบจะเปลี่ยนส่วนที่เหลือเป็นคำสั่งลิมิตอัตโนมัติที่ราคาล่าสุดที่จับคู่ได้
ตั้งราคาที่ต้องการ (ราคาตลาดหรือราคาล่าสุด) และปริมาณที่ต้องการ (25%, 50%, 75% หรือ 100%)
ยกเลิกคำสั่งลิมิตทั้งหมดและปิดโพสิชันทั้งหมดที่ราคาตลาด (การดำเนินการอาจไม่สำเร็จครบ 100% ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด)
เคล็ดลับ: การใช้ราคาตลาดในการปิดโพสิชัน Long/Short ยังช่วยให้คุณทำกำไรเชิงรุกได้อีกด้วย
คำสั่งลิมิตสำหรับการปิดโพสิชัน Long/Short จะสามารถจับคู่ได้เฉพาะเมื่อราคาล่าสุดหรือตลาดอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเท่านั้น (เช่น อยู่ในจุดที่มีกำไร)
ดังตัวอย่างด้านล่าง: เมื่อวางคำสั่งลิมิตแล้ว ประเภทคำสั่งจะเป็นคำสั่งลิมิต ซึ่งจะทำงานเฉพาะเมื่อราคาล่าสุดหรือราคาที่ดีกว่าเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น
*BTN-เทรด Futures บน MEXC&BTNURL=https://www.mexc.com/th-TH/futures/BTC_USDT*
คุณสามารถตั้งราคาทริกเกอร์ ราคา และปริมาณได้อย่างแม่นยำ (พร้อมปรับสัดส่วนได้ตามต้องการ)
คำสั่งลิมิตสำหรับการปิดโพสิชัน Long/Short สามารถดำเนินการได้ทั้งในราคาล่าสุดหรือราคาที่ดีกว่า (ในกรณีทำกำไร) รวมถึงราคาที่แย่กว่า (ในกรณีขาดทุน)
ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง: เมื่อลงโพสิชัน Long ใน BTCUSDT การใช้คำสั่งทริกเกอร์ช่วยให้คุณสามารถตั้งคำสั่งปิดโพสิชันได้ทั้งสองทิศทาง ดังนั้นเมื่อราคาเฉลี่ยที่จับคู่แล้ว (Average Filled Price) ต่ำกว่าราคาเปิดโพสิชัน ระบบก็ยังสามารถทริกคำสั่ง Stop Loss ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าให้ทำงานได้
คำสั่งหยุดขาดทุนแบบลากตาม (Trailing Stop Order) ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าระยะลาก (Trail Variance) ได้อย่างแม่นยำ ทั้งแบบอัตราส่วนหรือระยะห่างของราคา พร้อมกำหนดปริมาณการปิดโพสิชันได้ (ปรับสัดส่วนได้ตามต้องการ)
คำสั่ง Trailing Stop สำหรับการปิดโพสิชัน Long/Short จะสามารถดำเนินการได้เฉพาะในราคาที่แย่กว่าราคาล่าสุดเท่านั้น (กล่าวคือ ในกรณีที่ขาดทุน)
ดังนั้น หลังจากเปิดโพสิชันแล้ว คำสั่ง Trailing Stop สำหรับการปิดโพสิชัน ไม่สามารถใช้เพื่อทำกำไรได้ ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง: เมื่อลงโพสิชัน Long ใน BTCUSDT การใช้คำสั่ง Trailing Stop จะทำให้ระบบปิดโพสิชันที่มีอยู่เมื่อราคาลดลงประมาณ 5% จากราคาล่าสุด
คล้ายกับคำสั่งลิมิต: คำสั่ง Post Only สำหรับการปิดโพสิชัน Long/Short จะสามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อราคาล่าสุดหรือราคาที่ดีกว่าเท่านั้น (เช่น อยู่ในจุดที่มีกำไร)
ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง: เมื่อคุณวางคำสั่งแบบ Post Only ระบบจะจัดประเภทคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งลิมิต และจะทำงานเฉพาะเมื่อราคาล่าสุดหรือราคาที่ดีกว่าเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น
ฟังก์ชัน TP/SL (ทำกำไร / หยุดขาดทุน) สามารถตั้งค่าได้ทั้งก่อนเปิดโพสิชันหรือแก้ไขภายหลังได้
กำไรที่คุณเห็นขณะถือโพสิชันยังเป็นเพียงกำไรลอยตัว ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามความเคลื่อนไหวของตลาด กำไรนั้นจะกลายเป็นยอดที่เข้าบัญชีจริงก็ต่อเมื่อคุณปิดโพสิชันเท่านั้น คำสั่งทำกำไร (Take Profit) จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านจากกำไรลอยตัวไปสู่กำไรจริงเป็นไปอย่างราบรื่น
ในการเทรด ศัตรูตัวฉกาจมักไม่ใช่ตลาด แต่คือความโลภและความกลัว การมีแผนทำกำไร (Take Profit) ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณรักษาความสงบในช่วงที่ตลาดพุ่งแรง และไม่พลาดจุดออกที่ดีที่สุดเพียงเพราะหวังว่าจะได้เพิ่มอีกนิด นี่คือรากฐานสำคัญของระบบเทรดที่มีวินัย และเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงในระยะยาว
ฟังก์ชัน Take Profit ในการเทรดฟิวเจอร์สถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุน เพราะช่วยบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปกป้องเงินทุน และเก็บเกี่ยวกำไรท่ามกลางความผันผวนของตลาด ด้วยการตั้งเป้าหมายการทำกำไรที่ชัดเจน นักลงทุนจะสามารถควบคุมการเทรดได้ดียิ่งขึ้น ตัดสินใจได้ทันท่วงที และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดในที่สุด
*BTN-เทรด Futures บน MEXC&BTNURL=https://www.mexc.com/th-TH/futures/BTC_USDT*
ปัจจุบัน MEXC กำลังจัดแคมเปญเทศกาลนักเทรดเทรด 0 ค่าธรรมเนียมช่วยให้ผู้ใช้งานลดต้นทุนการเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ เทรดได้มากขึ้น ใช้จ่ายน้อยลง และทำกำไรได้มากกว่าเดิม บน MEXC คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเทรดต้นทุนต่ำ พร้อมเกาะติดแนวโน้มตลาดอย่างใกล้ชิด คว้าโอกาสที่ผ่านเข้ามาทุกวินาที และเริ่มต้นเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินได้อย่างมั่นใจ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้มิได้เป็นคำแนะนำด้านการลงทุน ภาษี กฎหมาย การเงิน การบัญชี การให้คำปรึกษา หรือบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งมิได้เป็นคำแนะนำในการซื้อ ขาย หรือถือครองสินทรัพย์ใด ๆ ทั้งสิ้น MEXC เรียนรู้ (Learn) จัดทำข้อมูลนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอ้างอิงเท่านั้น และไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน กรุณาศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน และโปรดใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ MEXC จะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ใช้งานแต่อย่างใด